อโลเวร่าจุ๊ยซ์
สินค้ายอดนิยม
1,250.00 บาท
ติดต่อสอบถาม

อโลเวร่า อโลเวร่าจุ๊ยซ์ ว่านหางจระเข้สกัด 100%จากธรรมชาติ

 

 

          ว่านหางจระเข้ หรือ อโลเวร่า Aloe Vera ดูเผินๆอาจเข้าใจว่าต้นอโลเวร่าเป็นพืชประเภทเดียวกับต้นกระบองเพชร แต่ที่ถูกต้องต้นพืชนี้จัดอยู่ในตระกูลลิลลี่ ( Lily ) ที่มีแหล่งต้นกำเนิดดั้งเดิมอยู่แถบชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียล และตอนใต้ของอัฟริกา แยกเป็นพันธ์ต่างๆ ถึง300 ชนิดมีทั้งที่ขนาดใหญ่มากและเล็กมาก บางพันธ์สูงเพียงสิบเซนติเมตร ลักษณะของต้นอโลเวร่าคือ มีใบปลายแหลมรอบใบหยัก และมีหนามเนื้อในมีน้ำคล้ายวุ้นเป็นเมือกเหนียว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการถูกนำไปใช้ประโยชน์ต่อ สุขภาพ ร่าง กายของมนุษย์ คำว่า อโล (ALOE) เป็นภาษากรีกโบราณซึ่งแผลงลงมา จากคำว่า ALLAL แปลว่า รสฝาดหรือขมในภาษายิว เดิมต้นอโลเวร่า เป็นพืชในเขตร้อน ต่อมาถูกนำไปแพร่พันธ์ทั้งในยุโรป และเอเชีย ชาวจีนโบราณใช้อโลเวร่าเป็นส่วนสำคัญในการปรุงยาสมุนไพรจีนมานานหลายพันปี ส่วนชาวรัสเซียเรียกพืชชนิดนี้ว่า ยาอายุวัฒนะ (The Elixir ofLongevity) และ ในตำรายาของกรีกราวต้นคริสต์ศตวรรษ บันทึกไว้ว่า ชาวกรีกได้นำอโลเวร่ามาใช้รักษาโรคนอนไม่หลับ ผมร่วง โรคในช่องปาก โรคไต ผิวหนังพอง ผิวถูกแดดเผาผิวด่างดำ บำรุงผิวและระงับอาการปวดประวัติศาสตร์บางตอนจารึกว่า อริสโตเติ้ลได้กราบทูลพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชให้นำทัพไปยึดเกาะโซโครโต ซึ่งอยู่ชายฝั่งตะวันออกของอัฟริกา เพื่อนำต้นอโลเวร่ามารักษาบาดแผล ให้กับทหารที่เกิดจากการสู้รบ นอกจากนี้ ค้นพบในพระคัมภร์ไบเบิ้ล (จอห์น 19:39 ) มีจารึกไว้ว่าน้ำชโลมพระศพพระเยซูมีส่วนผสมของอโลเวร่าอยู่ด้วย

 

 

สารอาหาร

       สถาบันวิจัยเกี่ยวกับอโลเวร่า ( Aioe Vera Research Institute) ที่เมืองไซเพรส (Cypress) รัฐแคลิฟอร์เนียสหรัฐฯ ทำการศึกษาและวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์พบว่าต้นอโลเวร่าประกอกบด้วยกรดอะมิโนเรียงตามตัวอักษรดังนี้ Alanin, Arginin,  Asparaginacid,  Glutaminacid, Serin, Glyzin, Histidin, Lysin, Methionin, Plolin, Tyrosin เกลือแร่ ( Mineral ) อีกทั้ง 7 ชนิด คือ Iron, Calcium,Caiium,Carbonate, Magnesium, Mangannese, Sodiam, Zink นอกจากนี้อโลเวร่า ยังอุดมด้วยวิตามิน A, B1, B2,B6, B12, C, E, และ choline

 

สรรพคุณ

          ดร.โชเอดะ โมโมเอะ ผู้เชี่ยวชาญด้านปฏิชีวนะสารที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ได้วิจัยต้นอโลเวร่าเมื่อพ.ศ.2540 โดยนำสารละลายของอโลเวร่ามากรอง แล้วนำไปแช่แข็ง จากนั้นจึงสกัดเป็นผงแล้วสกัดอีกครั้งด้วยน้ำและแอลกอฮอล์แล้วตรวจวัดทันทีพบสารตะกอนเดิมทราบแต่เพียงว่าอโลเวร่ามีสารสองชนิด คือ สารอโลอิน และสารอะโลไอโมติน แต่ดร. โชเอตะ ได้ค้นพบสารใหม่ที่ออกฤทธิ์เป็นยาอีก3 ชนิด คือ

1. อะโลติน มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคและเชื้อรา

2. อีโมติน มีฤทธิ์ยับการเติบโตของมะเร็งและเนื้องอก

3. อโลมิซิน มีฤทธิ์ช่วยสมานแผล

          ด้วยองค์ประกอบสำคัญดังกล่าวมาแล้วข้างต้น อโลเวร่าจึงมีคุณประโยชน์สำคัญในการบรรเทาโรคต่างๆดังต่อไปนี้

 

สรรพคุณของอโลเวร่าจากตำหรับโบราณ หรือว่านหางจระเข้ อโลเวร่าจุ๊ยซ์

- ว่านหางจระเข้ ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน ด้วยการรับประทานเนื้อวุ้น หรือจะทำเป็นน้ำปั่นว่านหางจระเข้มาดื่มก็ได้ ก็จะช่วยบรรเทาอาการและป้องกันโรคเบาหวานได้
- ว่านหางจระเข้ สรรพคุณช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ด้วยการตัดใบสดของว่านหางจระเข้แล้วทาปูนแดงด้านหนึ่ง แล้วเอาด้านที่ทาปูนปิดตรงขมับ จะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้

- วุ้นว่านหางจระเข้ สรรพคุณช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยป้องกัน และลดการเกิดแผลในกระ เพาะในขณะที่ท้องว่าง ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารต่างๆ


สรรพคุณว่านหางจระเข้

-ช่วยแก้กระเพาะลำไส้อักเสบด้วยการใช้ใบนำมาปอกเปลือกเอาแต่ วุ้นนำมารับประทานวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ (เนื้อวุ้น)
- ใช้เป็นถ่าย ยาระบาย ที่เปลือกของว่านหางจระเข้จะมีน้ำยางสีเหลือง ในน้ำยางจะสารแอนทราควิโนน (Anthraquinone) ที่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย หากนำน้ำยางไปเคี่ยวให้น้ำระเหยออกแล้วทิ้งไว้ให้เย็น ก็จะได้สารสีน้ำตาลเกือบดำ หรือเรียกว่า “ยาดำ” ซึ่งยาดำนี้เองใช้เป็นส่วนผสมในตำรับยาแผนโบราณที่ต้องการให้มีฤทธิ์ เป็นยาระบายอยู่หลายตำรับ

 

ยางในใบ ช่วยรักษาอาการท้องผูก ด้วยการกรีดเอายางจากว่านหางจระเข้เคี่ยวให้งวดทิ้งไว้ให้เย็นจะได้ก้อนยาสีดำ

ยาดำ แล้วตักมาใช้ประมาณช้อนชา เติมน้ำเดือด 1 ถ้วย แล้วคนจนละลาย โดยผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 2 ช้อนชาก่อนนอน แต่ถ้าเป็นเด็กให้รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชาก่อนนอน

- ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้เนื้อวุ้นจากใบเหลาให้เป็นปลายแหลมเล็กน้อย และนำไปแช่ตู้เย็นหรือน้ำแข็งจนเนื้อแข็ง แล้วนำไปใช้เหน็บในช่องทวารหนัก ควรหมั่นทำเป็นประจำวันละ 1-2 ครั้ง จนกว่าจะหาย

เนื้อวุ่นของว่านหางจระเข้

- ช่วยแก้หนองใน (ราก,เหง้า)
- ช่วยแก้มุตกิดหรือระดูขาวของสตรี (ราก,เหง้า)
- ทั้งต้นของว่านหางจระเข้ มีรสเย็น ใช้ดองกับสุรานำมาดื่มช่วยขับน้ำคาวปลาได้ (ทั้งต้น)
- ช่วยบรรเทาและแก้อาการปวดตามข้อ ด้วยการรับประทานเนื้อวุ้นครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้งเป็นประจำจะช่วยทำให้อาการปวดดีขึ้น (วุ้นจากใบ)
- ใบว่านหางจระเข้มีรสเย็น นำมาตำผสมกับสุราใช้พอกรักษาฝีได้ (ใบ)
- ช่วยรักษาแผลสด แผลจากของมีคม แผลที่ริมฝีปาก แก้ฝี แก้ตะมอย ด้วยการใช้วุ้นจากใบนำมาแปะบริเวณแผลให้มิดชิดและใช้ผ้าปิดไว้ แล้วหยอดน้ำเมือกลงตรงแผลให้ชุ่มอยู่เสมอหรือจะเตรียมเป็นขี้ผึ้งก็ได้

วุ้นจากใบ

- ช่วยรักษาแผลถลอก และจากการถูกครูด (แผลพวกนี้จะเจ็บปวดมาก) ให้ใช้วุ้นว่านหางจระเข้นำมาทาแผลเบาๆ ในวันแรกต้องทาบ่อยๆ จะช่วยในการสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น และทำให้ไม่เจ็บแผลมาก
- ช่วยรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ช่วยดับพิษร้อนบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนจากแผล ด้วยการใช้วุ้นจากใบสดที่ล้างน้ำสะอาด แล้วฝานบางๆ นำมาทาหรือแปะไว้บริเวณแผลตลอดเวลา จะช่วยทำให้แผลหายเร็วมากขึ้นและอาจไม่เกิดรอยแผลเป็นด้วย 
- ช่วยขจัดรอยแผลเป็น ทำให้แผลเป็นจางลง ป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น 
- ช่วยรักษาตาปลาและฮ่องกงฟุต ด้วยการใช้วุ้นจากใบที่ล้างสะอาดแล้ว นำมาปิดไว้บริเวณที่เป็นและหมั่นเปลี่ยนบ่อยๆ จนกว่าจะดีขึ้น 
- วุ้นจากใบใช้ทาเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด ด้วยการใช้วุ้นจากใบทาก่อนออกแดดหรือจะใช้ใบสดก็ได้ แต่ใบสดอาจทำให้ผิวหนังแห้งเพราะใบมีฤทธิ์ฝาดสมาน ถ้าต้องการลดการทำให้ผิวแห้งก็อาจจะใช้ร่วมกับน้ำมันพืช หรืออาจเตรียมเป็นโลชั่นก็ได้
- ช่วยรักษาอาการผิวหนังไหม้จากแสงแดด หรือไหม้เกรียมจากการฉายรังสีหรือ แผลเรื้อรังจากการฉายรังสี โดยนำวุ้นของว่ายหางจระเข้มาทาผิวบ่อยๆ ก็จะช่วยลดการอักเสบได้ แต่ถ้าไปนานๆ ระวังผิวแห้ง ควรผสมกับน้ำมันพืช เว้นแต่ว่าจะทำให้ผิวเปียกชุ่มอยู่ตลอดเวลา
- วุ้นจากใบใช้ทาเพื่อรักษาฝ้า
- ช่วยรักษาโรคเรื้อนกวาง (โรคสะเก็ดเงิน) ช่วยลดการตกสะเก็ดและลดอาการคันของโรคเรื้อนกวาง ทำให้แผลดูดีขึ้น (วุ้นจากใบ)

ตัวอย่างภาพผู้ป่วยเบาหวาน

รักษาตัวมากว่า 10 ปีจนต้องตัดขาถึงขาหนีบทั้งสองข้าง บำบัดด้วยอโลเวร่าจุ๊ยซ์จนหาย

healthfood aloe vera

 

 

 

 

วิธีการใช้:  เปิดแล้วควรแช่ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 1-4 องศา

  1. ดื่มดูแลสุขภาพ ใช้ดื่มวันละ 1 แก้วๆ ละ 30 ซีซี
  2. ดื่มบำบัดช่วยดูแลรักษาโรคทั่วไป ควรดื่มวันล่ะ 2-3 แก้วต่อวัน แก้วล่ะ 30 ซีซี เช่นภูมิแพ้, โรคกระเพาะ, ฟื้นฟู ตับ ไต ผิวพรรณ, ฟื้นฟูอาการป่วย
  3. ดื่มดูแล เนื้องอกและมะเร็ง ใช้ดื่มวันละ 4 แก้วขึ้นไปต่อวัน แก้วล่ะ 30 ซีซี
  4. ดื่มเพื่อดูแล ผู้ป่วยเบาหวาน นิ่ว 6 แก้วต่อวัน แก้วล่ะ 30 ซีซี

ควรเริ่มจากการดื่มหลังอาหารก่อนเสมอ และค่อยเปลี่ยนเป็นดื่มตอนท้องว่างจะให้ผลได้ดีที่สุด และควรค่อยๆ เพิ่มปริมาณการดื่มโดยการเริ่มจาก 1 แก้วขึ้นไปเสมอ ในกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องดื่มเกิน 1 แก้วต่อวัน

 

 

สาระน่ารู้ จาก Ramathibodi Health Care รามาธิบดีเพื่อผู้ป่วยและสุขภาพคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี  มหาวิทยาลัยมหิดล https://med.mahidol.ac.th/patient_care/th/health_issue/06112015-1325-th

นอกจากคนไทยจะรู้จักสรรพคุณของว่านหางจระเข้เป็นอย่างดี หลายๆ ประเทศก็รู้จักน้ำว่านหางจระเข้ มาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ มานานหลายศตวรรณ อย่างประเทศจีนก็มีรายงานการใช้ว่านหางจระเข้ในการทำเป็นยา เช่นกัน สรรพคุณของวุ้นว่านหางจระเข้ เป็นยาฆ่าเชื้อ ฝากสมานแผล ห้ามเลือด ในขณะเดียวกันก็เป็นตัวกระตุ้นเซลล์เนื้อเยื่อให้เจริญเติบโต ทำให้แผลหายเร็วขึ้น 

ประเทศสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ญี่ปุ่น ออสเตรีย ได้ทดลองพบว่า ว่านหางจระเข้สามารถนำมาใช้รักษาแผลธรรมดา แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลที่เกิดจากากรฉายรังสี ลดอาการอักเสบ ฆ่าเชื้อโรค ป้องกันผิวไหม้เพราะแดด บำรุงผิวหน้า กำจัดฝ้า ยาระบาย แก้ไอ เจ็บคอ รักษามะเร็ง แก้พิษแมงกะพรุน ช่วยประสนกระดูก รักษาโรคตับและรักษาสมองผิดปกติ ด้วยสรรพคุณที่มากมายนี้เอง "ว่านหางจระเข้" จึงถูกขนานนามว่า "สมุนไพรมหัศจรรย์จากธรรมชาติ" สารโพลียูโรไนด์และโพลีแซคคาไรด์ สารสำคัญที่ช่วยรักษาบาดแผลให้หายเร็วและยังช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล ต้องการใช้กระบวนการผลิตที่ดี (GMP) เท่านั้น ถึงจะคงตัวยาเหล่านี้ไว้ได้ ได้ทำการศึกษากับผู้ป่วย บาดแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกจำนวน 13 iาย ที่มีบาดแผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 2 เมื่อได้ทาว่านหางจระเข้ และตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบว่า แผลหายเร็วกว่าการทายาชนิดอื่น นอกจากนี้ยังมีส่วนทำห้แผลสะอาด และกระกตุ้นเนื้อเยื่อที่เสียให้เจริญเติบโตขึ้นไหม้ได้เร็วขึ้น บาดแผลที่เกิดจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ได้แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ว่านหางจระเข้จะเป็นไฟไหม้ในแผลระดับที่ 2 

ระดับที่ 1 ผิวหนังไม่แตก

ระดับที่ 2 ผิวหนังมีตุ่มพองและหนังแตก

ระดับที่ 3 ผิวหนังทุกชั้นถูกทำลายและเป็นแผลเปิด

ระดับที่ 4 ผิวหนังมีรอยไหม้ดำ

ว่านหางจระเข้ จึงเป็นสมุนไพรมหัศจรรย์ ที่ช่วยรักษาบาดแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลที่เกิดจากการฉายรังสีได้ดี นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ในลักษณะของเครื่องสำอางค์ได้ด้วย ่คือป้องกันผิวไหม้เพราะแดดและบำรุงผิว ด้วยวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีทำให้ควบคุมคุณภาพผลิตในรูปแบบของเจลที่มีความเข้มข้นถึง 87.40% เนื้อเจลคงตัวนานและปราศจากการปนเปือนจุลินทรีย์ จึงเหมาะเป็นยาที่ควรมีไว้ประจำบ้าน

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิวัฒน์ วิสุทธิโกศล คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล https://med.mahidol.ac.th/patient_care/th/health_issue/06112015-1325-th

 

 

 

วารสารสำนักการแพทย์ทางเลือก ปีที่ 4 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2554  

 

 

 

 

 

 

ว่านหางจระเข้ เจลว่านหางจระเข้ อโลเวร่า อโลเวร่าบาบาเดนซิสมิลล์ เบาหวาน มะเร็ง โรคตับ โรคไต สร้างภูมิคุ้มกัน ต้านแบคทีเรีย ต้านไวรัส